Shaved Ice.

Title : Shaved Ice.

Paring : PCY-XM

Rate : PG-15+

Author  : Frost G. Axis / FGA.


“มินซอกอ่า กินน้ำแข็งใสกันเถอะ*ยิ้มแรง*”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นน้ำเชื่อมที่ลอยอบอวล

“หื้อ ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากกินกับนาย”

คนตัวเล็กตอบอย่างเย็นชา ก่อนจะหันไปจดจ่อกับการ์ตูนวันพีชบนจอโทรศัพท์

“เย็นชาเป็นน้ำแข็งนี่เลยจริงๆ*มองน้ำแข็งใสในมือ* ไม่เห็นจะเข้ากับนายเลยสักนิดอ่ะ”

ชานยอลพูดลอยๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างมินซอก

…เราสองคนอยู่ด้วยกันมาได้4ปีแล้ว เรียนคณะเดียวกัน ลงเรียนวิชาเดียวกัน เพื่อนกลุ่มเดียวกัน …สอบตกเหมือนกัน😂

(คืออีข้อสุดท้ายนี่ไม่ต้องเหมือนกันก็ได้ป่ะบางที)

ถึงส่วนสูงจะไม่เท่ากัน แต่ก็ชอบอะไรคล้ายๆกัน คือเป็นโอตาคุไลน์

วันก่อนโคตรเฟลเลยครับ นั่งดูโตเกียวกูลอยู่ดีๆ ฮิเดะแม่งตายเฉย

อะไร้ร้ร้ร้!! แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!

นี่ติ่งมาตั้งแต่ภาคแรกตอนแรกเลยนะ ทำไมตายซะได้(เกี่ยว?)

โคตรทำร้ายชานยอลคนหล่อพ่อทุกสถาบัน(สถาบันเสริมความงามรึเปล่าคะ?)

“จะออกไปเตะบอลยัง”

มินซอกถามโดยที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ามามอง

“หืม จะไปเลยเหรอ นี่ยังกินน้ำแข็งไม่หมดเลยนะ”

“เรื่องของนายสิ”

“*แดกจุดไปชั่วขณะ*”

คุณรู้มั้ยว่าผมจะทำยังไงต่อไป…คือเอาน้ำแข็งใสที่กินไปได้แค่สองคำ

ไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน..T^T ชีวิตเศร้ามากครับพูดเลย

เดินตามมินซอกออกไปต้อยๆอย่างรู้งาน สงสัยใช่ป่ะ ว่าทำไมผมต้องตามใจเขาทุกอย่าง จริงๆผมก็แค่กินน้ำแข็งใสต่อแล้วปล่อยให้มินซอกไปเตะบอลคนเดียวงี้ก็ได้ ฮ่าๆ ผมไม่เป็นคนดีขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะบางสิ่งบางอย่าง…

เพราะ

“รัก”

ใช่ครับ รัก เลย ไม่ใช่แค่ชอบ หรือกำลังสับสนอีกแล้ว

หลายคนอาจจำจุดเริ่มต้นของความรักตัวเองไม่ได้ อารมณ์ประมาณแบบ อยู่ๆก็รักไปแล้ว แต่ชานยอลคนนี้จำได้ดีครับ

วันที่ผมคัดตัวเข้าชมรมวงดนตรีของมหาลัย สายกีต้าร์ที่ต้องใช้มันขาด ในขณะที่ผมกำลังจะถอดใจ อยู่ๆมินซอกมาจากไหนไม่รู้ในมือถือไม้กลอง ยื่นให้ผม…

ตอนนั้นมันเหมือนโดนผลักลงเหวแล้วมารู้ทีหลังว่ามีสลิงคาดตัวอยู่

ถ้าวันนั้นไม่มีมินซอก ผมคงไม่แม้แต่จะได้แสดงฝีมือด้วยซ้ำ แต่ถามว่าผมคัดตัวผ่านมั้ย

บอกได้เลยว่า…ไม่ผ่านหรอกครับ ฮ่าๆๆ😂

อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่า “ อย่าไว้ใจคนเย็นชา “

เหมือนมารู้อีกทีว่า สายสลิงที่คาดตัวอยู่นั้น มัน ขาด

ไม้กลองที่มินซอกให้นั้น ผมตีครั้งแรกมันก็หักคามือเลยครับ

พี่ประธานชมรมไม่ใช่คนใจดี จึงดุผมยกใหญ่ว่าไม่มีความพร้อม ไม่มีการเตรียมตัว….เจ็บสัดรัสเซียเลยครับ

ถามว่าทำไมวันนั้นผมเริ่มรักมินซอก

ไม่รู้หรอกครับ เพราะผมเป็นคนไม่มีเหตุผล อุฮิ

“เดินยิ้มไร ขวางหูขวางตา” มินซอกที่เดินำหน้าอยู่นานหันกลับมามองผม ซึ่งกำลังโคฟเวอร์เป็นสาวปากฉีกเหมือนในตำนานผีของญี่ปุ่น

“เอ้า ยิ้มก็ผิดอ่ะ” ผมแกล้งแหย่โดยการยื่นหน้าไปใกล้ๆแล้วชูสองนิ้ว

“น่ารักจะตาย” ผมพูดแล้วทำท่าแอ๊บแบ๊ว

ป้าบ!

“โอ๊ะ”

…ผลที่ได้กลับมาคือการโดนฝ่ามือเล็กๆฟาดหน้าแรง

“ไม่ไปเตะบอลแล้ว” มินซอกพูดเรียบๆมองไปข้างหน้า…

สนามฟุตบอลว่างเปล่า เหลือเพียงหมาสองตัวกำลังนอนเกาเรื้อนอย่างสบายใจ

“เอ้า ไมอ่ะ อย่าเอาแต่ใจดิเอ้อ” ผมยังคงลูบหน้าป้อยๆโดยที่ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นสังเกตสนามฟุตบอล

“แถวบ้านนายเตะบอลกับหมาเหรอ” ในจังหวะนั้นผมเงยหน้าขึ้นพอดี

“……” อุ๊บส์ พลาดล้าว ลาดพร้าว(?) ไม่น่าปากไวเลอ

“เตะไปคนเดียวเลยนะ อย่าลืมไปเจอกันที่ร้านจงแดล่ะ” คนตัวเล็กเดินเชิดหน้าออกไปตรงถนนใหญ่ ทิ้งไว้เพียงคนหูกางกับหมาสองตัว

“รอด้วยเซ่!!” หายเอ๋อแดกแล้วรีบวิ่งตามมินซอกไป

J why? J café (ชื่อแบบ…)

“น้องครับ น้องคนดำๆน่ะ โซจูมาขวดดิ๊” เสียงกวนทีนลอยมาโดยที่เจ้าของเสียงยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในร้าน

“แหย่ได้แหย่ดีเลย ไอ้จงอินไม่อยู่เว้ย มึงก็นะ” จงแดเจ้าของร้านอีกคนพูดปราม เพราะรู้สึกว่าลูกค้าจะมองหาคนที่ชื่อน้องดำกันวุ่นวายไปหมด

“อ้าว มันไปไหนวะ วันนี้ไปที่สนามบอลก็ไม่เจอ ว่าจะแวะมาขอแผ่นเกมด้วยเนี่ย”

“นอนขาเดี้ยงอยู่ที่บ้านแม่มันนู่น เมื่อคืนไม่รู้ไปซิ่งเอาอีท่าไหน รถแม่งตกลงไปข้างทางนั่นน่ะ ดีที่มีคนอยู่แถวนั้นไม่งั้นกูคงต้องอยู่ร้านคนเดียวเป็นเดือนแน่” จงแดส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แต่ก็อดเป็นห่วงเพื่อนสนิทไม่ได้

มินซอกซึ่งมาถึงที่ร้านก่อนชานยอลไม่นาน เลือกนั่งที่ริมหน้าต่าง บนโต๊ะมีโซจูสองขวดกับมาการองสีแดงสองชิ้น

“ตุหูวว วันนี้พี่ซิ่วจัดหนักจังครัช” ชานยอลนั่งลงตรงข้ามมินซอก

มินซอกมีรุ่นพี่คนจีนอยู่คนหนึ่ง ผมคิดว่าพวกเขาสนิทกันมากนะ

…มากกว่าที่ผมสนิทกับมินซอกอีก..

มินซอกมีชื่อจีนว่า”ซิ่วหมิน” ก็ได้มาจากพี่คนนั้น เลยกลายเป็นชื่อเรียกที่ค่อนข้างติดปากของเพื่อนในกลุ่ม

อยู่มาวันหนึ่ง พี่”ลู่หาน”ก็เรียนจบแล้วกลับไปอยู่ที่จีน มินซอกดูเหงาลง

แต่พี่เขาก็สไกป์มาหาบ้างเป็นครั้งคราว วันเกิดมินซอกก็มาหาที่บ้านแต่ไม่ได้เจอกัน เพราะมินซอกออกไปข้างนอกพอดี  กลับมาอีกทีก็เจอกล่องของขวัญวางอยู่ที่หัวเตียง…

“โซจูไม่เหมาะกับหน้าร้อน แม่ฉันบอกมา” ชานยอลพูดขึ้น

“ทำไมครับ”  มินซอกกำลังรินโซจูใส่แก้วใบเล็ก

“เวลานายเมาจะไม่มีใครแบกกลับบ้านน่ะสิ”

“งั้นหน้าฝนไม่นอนเปียกอยู่ข้างทางเหรอ?”

“นั่นสินะ..แต่หน้าร้อนไม่มีใครอยากแบกหรอก เพราะมันร้อนไง หน้าฝนคงพอจะมีบ้าง”

“ฉันหาสาระอะไรจากนายได้บ้างปาร์คชานยอล” มินซอกถอนหายเสมองไปทางหน้าต่าง

แล้วยกโซจูขึ้นจิบ

“สาระมันอยู่ตรงนี้ *เอามือทาบอกอย่างภาคภูมิใจ* เพราะถ้านายมากินโซจูกับฉัน ไม่ว่าหน้าไหนๆ ฉันจะแบกนายกลับบ้านเอง”

“…..จริงนะ?” มินซอกหันกลับมามอง ทำเอาชานยอลชะงักไปเล็กน้อย

“อ..อื้ม จริงดิ” ถามแบบนี้จะสื่ออะไรน่ะ

“งั้นก็อย่าทิ้งฉันแล้วกัน” ผมไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย..รอยยิ้มบางๆบนริมฝีปากของมินซอก

มันเป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมาเป็นปีเป็นชาติแล้ว

…หลังจากนั้นไม่นาน มินซอกก็เริ่มเมา เฮ้ย อะไร นี่กินไปไม่เยอะเลยนะ ถ้าผมเดาไม่ผิด หลายๆคนคงจะกำลังคิดว่าผมจะลักหลับมินซอกผู้น่ารักใช่มั้ยครับ  โหยย ผมนี่พี่ชานคนดีนะ คิดอะไรแบบน้านน

แหม่ ถึงทำจริงก็รับผิดชอบครับ แมนๆตีฮอน  พูดเลย… แต่ตอนนี้คงต้องแบกคุณนายกลับหอก่อน ใช่ คุณนายแหละถูกแล้ว จะคุณนางได้ไง มินซอกเป็นบุรุษเพศนะเออ…

“มินซอกอา.. ขี่หลังฉันนะ เกาะคอแน่นๆด้วย” ชานยอลจัดแจงประคองมินซอกจากเก้าอี้

“จะกลับละเหรอ ให้ไปส่งมั้ยมึง” จงแดที่เดินมาเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าทักขึ้น

“ไม่เป็นไร หอกูอยู่แค่นี้เอง มึงทำงานไปเหอะ ระวังเงินทับหัวตาย”

“สัด.. เออกลับดีๆนะ  อย่าปลอยมินซอกมันไว้กลางทางซะก่อนล่ะ”

…ถ้าปล่อยเนื้อคู่กูไว้กลางทาง กูคงจะขึ้นคานล่ะไอ้จงแดเอ๋ย.. แหม…ฟังดูมั่นใจซะเหลือเกินนะ นี่ถ้าหากสารภาพไป ยังไม่รู้เลยว่าจะถูกเกลียดรึเปล่า  #ร้องเหี้ยหนักมาก

อากาศข้างนอกเริ่มเย็นสบาย เพราะฟ้ามืดแล้ว ต่างกับตอนกลางวันลิบลับ

แก้มนุ่มๆของตัวเล็ก แนบกับหลังของชานยอล ใกล้มากพอที่กลิ่นยาสระผมอ่อนๆลอยไปแตะจมูกของเขา

“งืม”

“ฮะ? ตะกี้นายพูดอะไรรึเปล่า” ชานยอลที่แบกมินซอกขี่หลังเดินไปตามทาง หันหน้าไปมองข้างหลัง เพราะเสียงละเมอของมินซอก

จมูกคมก็ไปโดนกับผิวแก้มของคนบนหลัง เป็นผลมาจากการที่มินซอกเอาคางพาดไหล่ชานยอล ตากลมทั้งสองข้างปิดสนิทเหมือนกำลังนอนหลับ

“บ้า..”

“บ้า..ใครบ้าเหรอ?” นี่ผมก็คงไม่ได้บ้าหรอกมั้ง แค่คุยกับคนละเมอนี่ย

“นายนั่นแหละเจ้าโง่!” แขนข้างซ้ายของมินซอกที่เกาะคอผมอยู่ ถูกเจ้าตัวออกแรงรัดแน่นขึ้น

“เฮ้ ฉันหายใจไม่ออกนะเฟ้ยย” ผมพยายามแกะแขนที่รัดอยู่ตรงคอ

“จะทิ้งฉันไปอีกคนหรือไง” ทิ้ง?

“……….”

“ชมรมดนตรีมันซ้อมหนักไม่ใช่เหรอ”

“…ก็นิดนึง..”

“ทิ้งฉันไง นายอ่ะ ทิ้งฉัน” มินซอกเอาหัวกลับไปซบตรงหลังผมแล้วเริ่มเอาหน้าผากกระแทก

“นี่ โขกแบบนั้นเดี๋ยวหน้าผากก็กว้างกว่าเดิมหรอก ฮ่าๆ”  อห. ได้ผลอ่ะ มินซอกหยุดกึกเลย หุหุ

“ถ้านายไปซ้อมแล้วฉันจะกินข้าวกับใครเล่า” เสียงอู้อี้ดังลอดออกมา..อ๋ออออ นี่คือเหตุผลสินะ เจ้าตัวแสบบบบ

แหม่ บอกกันตรงๆก็ได้นะเออ ..แต่เหตุผลงี้ทำไมทะแม่งๆว้า..

“รักนะ” บอกรักคนเมาไม่ใช่เรื่องผิด อุอิ นายจำไม่ได้หรอกให้พนันสิ

“รักเหมือนกัน..”.. #สตั้นหนักมาก ชานยอลหยุดเดินแล้วหันหน้ามองไปด้านหลัง หัวทุยๆที่ซบอยู่บนหลังเขา ทำให้มองไม่เห็นใบหน้านั่นว่ามีความรู้สึกอย่างไร..แต่ถ้าหาก.. แต่ถ้าหากมันเป็นเรื่องจริงก็คงดี..ชานยอลอยากจะเชื่อเรื่องงี่เง่าที่ว่าคนเมามักจะพูดความจริงนั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ (หรือมันเป็นเรื่องจริงวะ?)

….ลมเย็นตอนกลางคืนพักผ่านคนทั้งคู่ กำแพงบางๆที่พังเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จเหมือนจะทะลายลงช้าๆ ป้อมปราการน้ำแข็งหายไป เหลือเพียงเศษเสี้ยวของความอึดอัดในใจ ที่ดูเหมือนยิ่งใกล้กันเท่าไหร่ก็เหมือนจะหายไปมากเท่านั้น..ชานยอลคิดว่าที่ผ่านมาเขากำลังทำอะไรอยู่ มัวแต่คิดว่าตัวเองรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว จนไม่เคยนึกสงสัยหัวใจของอีกฝ่ายเลยงั้นหรือ? อ่า..ทำไมคืนนี้มันหนาวจังเลยนะ…

“มินซอกอา..กุญแจล่ะ?” ชานยอลกับมินซอกมาถึงที่หอได้ไม่นาน

ตุ๊บ!

คนตัวเล็กกระโดดลงมาจากหลังชานยอลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมควานหากุญแจในกระเป๋า

“มองอะไร หลีกสิ จะเข้ามั้ยน่ะห้องอ่ะ” มินซอกเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงที่ยืนขวางประตูอยู่

“…..” <<อึ้งไปแล้ว

ไอร้อนจากในห้อง เป็นผลมาจากแดดร้อนๆเมื่อตอนเย็น น้ำแข็งใสที่กินไม่หมด ละลายกลายเป็นน้ำเชื่อสีหวาน วางอยู่ตรงอ่างล้างจาน

“น..นายไม่ได้เมาหรอกเหรอ” ชานยอลที่ยืนค้างอยู่หน้าประตูห้าวิ วิ่งเข้ามาประชิดตัวมินวอกที่กำลังเปิดตู้เย้นเพื่อนจะหาน้ำดื่ม

“เออสิ”

“แล้ว..แล้วที่ฉันพูดเมื่อกี้”

“รู้ตั้งนานแล้วเจ้างั่ง ทำมาเป็นตื่นเต้นเหมือนเด็กแรกรุ่นไปได้เหอะ”

“แล้วที่นายพูดเมื่อกี้..”

“ก็ตามนั้น” /หูแดง

…เหมือนผีลามก(?)เข้าสิง..ชานยอลแบกมินซอกพาดไหล่แล้วพาไปที่โซฟา คนตัวเล็กก็เอะอะโวยวายว่าทำไมไม่ให้กินน้ำให้เสร็จก่อน.. เรื่องราวในอดีตในบางเรื่องก็เก็บเอาไว้ให้ลึกสุดหัวใจ ไม่จำเป็นต้องลืม แต่ก็ไม่ควรเสียใจกับมันทั้งในตอนนี้ และในวันข้างหน้า

“มินซอก ทำไมถึงชอบปั่นหัวฉันแบบนี้นะ”

“ก็นายโง่เองอ้ะแสดงออกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมคิดสักที อุ๊บ” ชานยอลจุ๊บปากมินซอกเร็วๆ

“/ยิ้มแรง”

“บ้า จุ๊บทำไม”

“ก็นายพูดมากเองอ้ะ”

////ตัดฉากไปที่โคมไฟ///

(บร้าาา เค้าไม่ได้ทำอะไรกันเลยนะเธอเตง #เชื่อได้เหรอ)

ชานยอลทำสำเร็จแล้วนะทุกคน น้ำแข็งใสเย็นๆละลายเป็นน้ำเชื่อมหวานๆเรียบร้อยแล้ว ความพยายามอยู่ที่ไหน ความอดทนอยู่ที่นั่น ความสำเร็จแม่งโคตรหวาน (เดี๋ยว)

เรื่องราวหลังจากนี้ คงมีแต่ต้นกระบองเพชรริมหน้าต่างเท่านั้นที่รู้

สุดท้ายนี้ อยากจะฝากคำถามไว้กับผู้อ่านทุกๆท่าน…

ฟิคเรื่องนี้มันต้องการจะสื่ออะไรวะ?

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

PS:: มันเป็นช็อตฟิคที่มาราธอนมากค่ะทุกคน เห็นสั้นกุดเป็นตูดมดเเบบนี้ ใช้เวลาเเต่งเป็นเดือนเลยที่เดียวเชียว..คอมเม้นท์ติชมกันได้ด้านล่าง หรือกลับไปเม้นท์ในเด็กดีกันได้ตามสะดวก ขอบคุณค่า

http://my.dek-d.com/lmpyo/writer/view.php?id=1333317

ใส่ความเห็น